Monday, March 14, 2011

นิสัยของคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่ผมประสพพบอยู่ในชีวิตประจำวัน

อุปนิสัยของคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่คนไทยควรสังวร…














ในฐานะคนไทยที่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่อยากจะเล่านิสัยของคนจีนแผ่นดินใหญ่ให้คนไทยได้รู้จักกันหน่อย คนไทยที่ประเทศไทยคงคิดว่า คนจีนแผ่นดินใหญ่นิสัยก็คงเหมือนคนจีนในประเทศไทย คุณกำลังเข้าใจผิดอย่างแรง เพราะคนจีนในประเทศไทยได้รับการหล่อหลอมจากหลายวัฒนธรรมรวมทั้งวัฒนธรรมไทย แม้แต่คนจีนในเมืองไทยที่ยังมั่นคงในวัฒนธรรมจีนแท้ๆ ก็ยังได้รับผลบุญจากวัฒนธรรมจีนที่สั่งสอนกันมาถึง 2000 กว่าปี คำสอนของขงจื้อ ลัทธิเต๋า ศาสนาพุทธมหายาน การนับถือบูชาบรรพบุรุษ ยังมีการสืบทอดมาถึงลูกหลานคนจีนในเมืองไทย ถ้าให้เทียบแล้วคนจีนในเมืองไทยนิสัยเป็นยังไง ต้องเอาสิบคูณถึงจะเข้าใจนิสัยของคนจีนแผ่นดินใหญ่













ด้วยเหตุที่ประเทศจีนปิดประเทศมานานในช่วงที่ท่านประธานเหมาเจ๋อตงนำการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์มาปกครองประเทศ ผมถือว่าไม่ได้เป็นช่วงเลวร้ายหรอก ถ้าศึกษาอุปนิสัยของคนจีนแผ่นดินใหญ่จริงๆ ช่วงที่เลวร้ายและคนจีนอยากจะลืมประวัติศาสตร์หน้านี้ก็คือ ช่วงปฎิวัติวัฒนธรรม โดย แกงค์สี่คน ที่มีเจียงชิงภรรยาของท่านประธานเหมาเจ๋อตง นั่นแหละเป็นช่วงสูญญากาศของวัฒนธรรมจีนอย่างแท้จริง มีการเผาตำราเก่าโบราณ ตำราแห่งรากเหง้าศิลปและวัฒนธรรม ทำลายวัดวาอารามไม่ว่าของศาสนาอะไร ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามแม้กระทั่งลัทธิเต๋าเจอกันทั่วหน้า และที่น่ากลัว คือ การวิพากษ์คนและกล่าวหาผู้กระทำผิด รวมทั้งมีการให้ลูกหลานวิพากษ์และกล่าวหาพ่อแม่ของตนเองกลางชุมชน ทำให้สังคมครอบครัวซึ่งเป็นสังคมพื้นฐานถูกทำลาย การปฎิวัติวัฒนธรรมช่วงนี้กี่ปีผมจำไม่ได้ แต่ที่รู้ทำให้นิสัยของคนจีนแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนไป เป็นพวกประเภทชอบปัดความรับผิดชอบและไม่กล้ารับผิดชอบ เพราะถ้าเป็นในยุคนั้น อาจถึงตายได้เพราะถ้าไปรับผิดชอบสุ่มสี่สุ่มห้า กลายเป็นคนก้าวร้าว ไม่นับถือผู้มีอายุมากกว่า ลืมศิลปวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีจีนดีๆที่ปฎิบัติกันมา













นิสัยของคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่ผมประสพพบอยู่ในชีวิตประจำวัน เอาลักษณะเด่นๆมาเล่าสู่กันฟัง มีดังนี้


1. พูดเสียงดัง ผมว่าผมเป็นคนเชื้อสายจีนที่เกิดในเมืองไทยและพูดเสียงดัง จนบางทีเพื่อนผมมันรำคาญแล้วนะ แต่มาอยู่ที่ผมดูดีขึ้นเยอะ เป็นคนสุภาพขึ้น เพราะที่นี่ไม่รู้คุยอะไรกันดังหนักหนา เหมือนกับตะโกนใส่กัน ทุกครั้งที่ผมเข้าประชุมจะหูอื้อทุกที เพราะแย่งกันพูด แย่งกันคุยในขนาดเสียง 60 เดซิเบลอย่างต่ำ และถ้าคุณไปทานอาหารที่ภัตตาคาร หรือร้านอาหารกรุณาจองห้องส่วนตัว เพราะถ้าคุณนั่งในห้องรวม ไม่รู้โต๊ะข้างๆเอาเรื่องอะไรมาคุยกันได้มากมาย ขนเอาเรื่องจากที่ไหนมาพูดไม่รู้ เหมือนไม่ได้เจอกันมาสิบสิบปี ดังก้องไปทั้งร้าน เอาเป็นว่าคุณทานอาหารไป หูอื้อไป



2. เวลาพูดชอบมองจ้องและชี้หน้า ถ้าเป็นวัฒนธรรมไทยใครมาทำแบบนี้ ชกกันแล้วครับ ข่าวไทยรัฐแค่มองหน้าก็กลับบ้านเก่าแล้วมีให้เห็นบ่อยๆ แต่ที่นี่เวลาพูดกับคุณเขาจะจ้องคุณและชี้หน้าคุณ ไม่ได้หมายความว่า เขาเป็นศัตรูกับคุณมาแล้วหมื่นๆปี แต่เขาต้องการให้คุณรู้ว่า เขากำลังพูดอยู่กับคุณ และให้คุณตั้งใจฟังที่เขาพูด ไม่งั้นจะเดินมาพูดและพ่นน้ำลายรดหน้า เพราะภาษาจีนบางคำพูดแล้วน้ำลายกระเด็นออกมาถึงพูดชัด ไม่เชื่อคุณไปหัดเรียนดู



3. ไม่มีวินัยในการเข้าแถว อันนี้เมืองไทยดีกับเขาหน่อยเพราะสั่งสอนกันมาเป็นสิบๆปีแล้ว แต่ที่นี่แตกแถวตลอด หน้ากระดานเรียงหนึ่ง ผมมาใหม่เรียกแท็กซี่ปวดหัวประจำ เราเรียกตรงนี้ เขาไปดักข้างหน้า หรือไม่ไปยืนหน้าแท็กซี่คันที่เราเรียกพอแท็กซี่จอดให้เรา หรือพอเราเรียนรู้ทำแบบเขาบ้างเจอดีกว่า พอเราเรียกแท็กซี่จอด ใครไม่รู้มาจากไหนมายืนดักแท็กซี่คันที่จอดให้เรา แต่ที่แย่กว่าขณะที่เรากำลังทะเราะกับไอ้คนที่มาดักหน้าแท็กซี่คันที่เราเรียก ดันมีตาอยู่มาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเปิดประตูแท็กซี่ขึ้นไปนั่งเฉย ให้ลงก็ไม่ลง มันบอกว่า ผมได้สิทธิไปแล้ว ทำแบบเกมส์เศรษฐีของคุณไตรภพเลย



4. ไม่รู้จักคำว่า เกรงใจ ทั้งๆที่มีคำว่า เกรงใจ ในภาษาจีนด้วย คุณเคยไปเลือกซื้อของไหม ของที่คุณกำลังเลือกกำลังจะซื้อ อยู่ๆก็มีคนมาแย่งไปจากมือ เคยเห็นไหมละ ที่นี่บ่อยๆ คำว่า “เกรงใจ” 不客气 อ่านว่า ปู้เค่อชี่ (BuKeQi) ส่วนมากใช้กับคนรู้จักหรือสนิทสนนกัน ส่วนมากใช้ตอนที่ได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นเท่านั้น แต่ถ้าคนแปลกหน้าอย่างหวัง ชาติหน้าตอนสายๆ


5. โลภมาก ไม่รู้จักคำว่าพอ เหตุที่เป็นเช่นนี้อาจจะเนื่องจากประเทศเขาใหญ่ ประชาชนก็มีมาก เลยต้องแย่งกันทำมาหากิน และระบอบของรัฐยังไม่สามารถจัดสวัสดิการให้ถึงทั่วทุกคน จึงทำให้คนจีนส่วนใหญ่พยายามไขว่คว้าเพื่อหาหลักประกันของตน ประเทศนี้จึงมีเงินฝากมาก แต่ปัญหาที่เกิดคือพอมีแล้วไม่รู้จักพอ เศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองจีนเมื่อ 2-3ปีที่แล้วโดนรัฐบาลจีนจับไปเพราะความโลภ เศรษฐีอันดับหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ ชิ่อ จูเจิ้งอี้ ที่คิดจะซื้อห้างสรรพสินค้า Super Brand Mall ของกลุ่มบริษัทซีพีของไทย ตอนนี้ก็นอนอยู่ในคุก แล้วตอนนี้กำลังสอบสวนฐานมีส่วนร่วมในการคอรัปชั่นเงินกองทุนประกันสังคม ที่ทำให้ผู้ว่าเซี่ยงไฮ้คนก่อนโดนปลดและถูกดำเนินคดีอยู่ แถมเมื่อ 2-3 วันศาลเมืองจีนลงโทษผู้คุมคุกที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่ในคุกตลอดจนทำเรื่องลดโทษให้เศรษฐีคนนี้เป็นเวลา 11 ปี เพราะโดนเศรษฐีคนนี้ซื้อไป


6. ทำงานไม่รับผิดชอบ นี่คือปัญหาใหญ่ในการทำงานที่นี่ ส่วนมากจะทำงานไม่รับผิดชอบ กัน เวลาเจอปัญหาจะเตะปัญหาออกจากตัวเป็นว่าเล่น และส่วนใหญ่ความผิดจะไปอยู่ที่คนที่ไม่อยู่ตอนนั้น หรือไม่อยู่ในที่ประชุม แถมยังLobbyกันให้โยนปัญหาอีกต่างหาก ผมว่าอันนี้อิทธิพลมาจากในช่วงปฎิวัติวัฒนธรรมที่เล่ามาข้างต้น และสั่งสอนสืบต่อกันมาจนเป็นพฤติกรรมที่ปฎิบัติกันทั่วไป


7. เอาความฉลาดไปใช้ในการโกงมากกว่าสร้างสรร อันนี้ทีเด็ดเอาเรื่องแบบเป็นตัวอย่างมาเล่าให้ฟังสักเรื่อง คุณเคยได้ยินพวกขายสินค้าให้กับทางห้างสรรพสินค้า หรือห้างพวกโลตัสหรือคาร์ฟูร์ที่เมืองจีนไหม ธรรมดาตอนเก็บเงินพวกขายสินค้าพวกนี้จะมารอทวงเงินกัน มากันเป็นร้อยๆบริษัท ซึ่งก็ต้องรอคิวกันบางวันติดต่อก็ได้เงิน บางวันโดนผลัดถ้ดไปเป็นวันอื่นๆ ทางห้างเห็นคนมามากก็เลยทำเครื่องจ่ายบัตรคิว แต่ก็มีคนขายสินค้าบางคนหัวใส ตื่นเช้ามากดบัตรคิวเอาไว้ขาย 100 ใบ ใบละ 10 หยวนและขายหมดด้วยเพราะคนไม่อยากรอกัน ตกลงวันนั้นทวงเงินไม่ได้ก็มีเงินติดกระเป๋ากลับบ้าน 1000 หยวนเทียบเงินไทยก็ 5000 บาท รายได้ดีไหม ปัญหาคือผู้ค้าสินค้ารายอื่นไม่ยอมเสียเปรียบไปร้องหนังสือพิมพ์ แต่กลายเป็นว่า ไปลงว่าห้างขายบัตรคิวทั้งๆที่ไม่ใช่ห้างทำ ห้างนั้นก็เลยเสียชื่อไป ยังมีเรื่องอื่นทำนองนี้อยู่เยอะ


วันนี้เอาแค่นี้ก่อนเพราะยังมีอีกเยอะแต่กลัวความเรียงจะยาวเกินไป พยายามหาข้อมูลมาบอกเพื่อให้เข้าใจคนจีนแผ่นดินใหญ่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นทุกๆคนหรอกนะ .

No comments:

Post a Comment